วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

บุพเพสันนิวาส

          ผมไปเป็นวิทยากรอบรมสัมมนาตามองค์กรและบริษัทต่างๆ มากมาย มักจะได้รับคำถามส่วนตัวซึ่งคนถามมักเป็นผู้หญิงถามเข้ามาว่า ทำไมเขาจึงไม่มีแฟนสักที ทั้งๆ ที่เธอก็เป็นคนดี มีการศึกษาดี การงานดี ฐานะดี นิสัยดี ใครๆ ก็ชมว่ารูปร่างหน้าตาก็ดีด้วย แต่ไม่มีคนมาชอบแบบแฟนสักที


ผมถามว่าเธอมีมาตรฐานของชายในฝันสูงไปหรือเปล่า ?
เธอบอกว่าลดลงมามากแล้ว ต้องการเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาๆ ที่มีอนาคตบ้างมารักเธอ และเธอก็จะรักตอบ แต่ถ้าถามให้ลึกลงไปอีกว่า ไม่เคยมีใครมาชอบจริงๆ เลยหรือ ก็มักได้คำตอบว่า มีบ้าง แต่ไม่ค่อยเข้าท่า และเธอก็ไม่รักตอบ ผมเห็นใจทั้งคนที่มารักเธอและเห็นใจที่เธอไม่รักตอบ เรียกว่ามันไม่ลงเอยกัน ที่ภาษาวัยรุ่นเขาเรียกว่า ไม่ปิ๊งกันนั่นเอง แม้ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่ลงเอย เคยมีพ่อสื่อแม่ชักพยายามจะชักนำชายหนุ่มและหญิงสาวที่มีคุณสมบัติดีๆ พอๆ กัน ให้พบกัน หวังว่าให้รักกัน แต่งงานกัน เพื่อให้สมปรารถนาของพ่อแม่และคนทั้งคู่ มองดูผิวเผินก็น่าจะตกลงใจกันได้ แต่พอพบกันจริงๆ ก็ไม่ตกลงกันอยู่ดี เพราะใจไม่รักกัน จึงทำให้เกิดความลังเล ไม่ถึงกับรังเกียจ แต่ก็ไม่อยากอยู่ใกล้แบบแฟน เรื่องการมีคู่ครอง มีความรักซึ่งกันและกันนี้ เป็นปัญหาใหญ่ที่มนุษย์ให้ความสำคัญและสนใจมาก บางคนก็หาได้สมใจ มีความสุขไป บางคนก็หาไม่ได้สมใจ ไม่มีความสุขเลย บางคนหาไม่ได้เลย ซึ่งบางคนก็บอกว่าสมใจที่หาไม่ได้ เพราะไม่อยากมี แต่อีกหลายๆ คนบอกว่า เหมือนขาดอะไรไปสักอย่างในชีวิต เหตุการณ์หลายๆ อย่างของมนุษย์อธิบายได้ตามหลักวิทยาศาสตร์ เช่น การมีลูก และบางอย่างก็อธิบายได้ตามหลักจิตวิเคราะห์ เช่น ทำไมนิสัยของลูกจึงแตกต่างกัน แต่ถ้าจะให้อธิบายว่า ทำไมคนบางคนจึงไม่สามารถหาคนมารักและรักตอบได้นั้น ผมก็พยายามหาคำตอบมาให้เหมือนกัน แต่ยังไม่ถูกใจที่สุดนัก เช่น อาจจะบอกว่าเป็นเพราะ…
·       ตั้งความหวังสูงไป
·       ไม่มีโอกาสพบปะบุคคลหลากหลาย
·       ใจแคบ เข้มงวดกับตัวเองและคนอื่นมากไป
·       รังเกียจเซ็กซ์ (ข้อนี้น่าจะตัดไปเพราะถ้าเขารู้ตัว เขาก็ไม่ต้องบ่นว่าต้องการแฟนหรอก)
·       หน้าตาไม่ดี (คงไม่จริง ผมเคยเห็นคนพิการตาบอด มีแฟนสวยและเก่งด้วย)
·       อายุมากไป (อายุมากก็หาคนอายุพอๆ กันก็ได้)
·       ขาดความรักในใจ (น่าเป็นไปได้ เพราะถ้าขาดสิ่งนี้แล้ว คงรักคนอื่นไม่ได้ มีแต่อยากให้เขามารัก พอมีคนมารักก็หาทางติโน่นตินี่จนจากกันไป)
·       ไม่อยากมีแฟน (มีทั้งพวกที่รู้ตัว เปิดเผยตัวเอง และพวกที่ไม่รู้ตัว ยังบอกว่าต้องการมีแฟนอยู่)
แต่มีอยู่คำหนึ่งที่ได้ยินมานานแล้ว ที่ถือว่าเป็นสาเหตุของการจะมีเนื้อคู่    ก็คือคำว่า "บุพเพสันนิวาส" คนรุ่นเก่ามักจะบอกว่า ถ้าเป็นเนื้อคู่กันมาก่อน มีบุพเพสันนิวาสร่วมกันมาก่อน ทำบุญร่วมกันมาตั้งแต่ปางก่อน ภพก่อน ก็จะทำให้เป็นเนื้อคู่กันอีก ได้รักกันอีกในชาตินี้ นั่นแสดงว่าผู้พูดเชื้อในเรื่องชาติก่อน ภพก่อน คำพูดเช่นนี้จะยิ่งทำให้คนที่มีแฟน มีความรักอยู่แล้ว มีความสุขยิ่งขึ้น แต่คนที่ยังหาแฟนไม่ได้ก็จะยิ่งทุกข์มากขึ้น แสดงว่าชาติก่อน ภพก่อน ไม่มีเนื้อคู่ ชาตินี้ก็ไม่มีอีก แล้วชาติหน้าเล่า ถ้าจะต้องเกิดอีกก็คงจะไม่มีแฟนอีกแน่ๆ เลย หลายๆ คนห่อเหี่ยวมาก แล้วมาถามผมว่าควรจะเชื่อได้ไหม ? ผมก็ตอบว่า ความเชื่อกับความจริงนั้นต่างกัน ถ้าเป็นเรื่องจริงแล้วก็ไม่ต้องเชื่อหรอก ยอมรับไปเลย เช่น คำกล่าวที่ว่า ชีวิตเรานั้นมีลักษณะเป็นไตรลักษณ์ทั้งนั้น คือมีความไม่แน่นอน เป็นทุกข์ และยึดถือไม่ได้ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) พูดทีไรก็ถูกทุกที จริงทุกที ก็ยอมรับไปเลย ไม่ต้องใช้คำว่า "เชื่อ" ส่วนที่เป็นความเชื่อนั้นมักจะยังไม่จริง หรือถ้าจะจริงก็เป็นความจริงแบบสมมติ (สมมติสัจจะ) จึงมีการพูดถึงเรื่องความเชื่อในเรื่องชาติภพก่อนหรือชาติภพหน้า ถ้าจะเอาให้แน่ใจว่ามีจริงไหม ก็ต้องตอบว่า เป็นเรื่องอนิจจังและอนันตา คือไม่แน่นอนและยึดถือไม่ได้ แต่ผมคิดว่าถ้าความเชื่อใดนำมาซึ่งความสร้างสรรค์แล้วจงเชื่อเถิด และไม่ต้องพิสูจน์ด้วยว่าจะจริงไหม เพราะไม่มีการพิสูจน์ได้ เสียเวลาด้วย เอาผลของความเชื่อมาใช้ดีกว่า เช่น ถ้าจะเชื่อว่าชีวิตของเราส่วนหนึ่งเป็นผลจากการทำความดี (บารมี) หรือทำสิ่งไม่ดี (วิบากกรรม) มาตั้งแต่ชาติก่อน ตามมาถึงชาตินี้ ใช่ไหม ผมก็ตอบว่า ถ้าจะเชื่อก็ไม่ผิดหรอก จงเชื่อไปเถิด สร้างสรรค์ด้วย เพราะเราจะได้รีบทำความดี (บารมี) มากขึ้นในชาตินี้ เพื่อที่จะได้หวังว่าเกิดใหม่จะได้ดีกว่านี้อีก ความดีก็ทำให้มนุษย์ในชาตินี้ ขณะนี้ อยู่เย็นเป็นสุขมากขึ้นทั้งตัวเองและคนอื่น จะเกิดใหม่จริงหรือไม่ก็เป็นอนิจจังและอนัตตา แต่เราก็ทำประโยชน์มากขึ้นและคนอื่นก็เป็นสุขมากขึ้น เช่นเดียวกับคำว่า "บุพเพสันนิวาส" ถ้าจะเชื่อก็ไม่ผิดกติกา อะไรหรอก นึกเสียว่าที่เราหาแฟนไม่ได้ในชาตินี้ เป็นเพราะไม่มีบุพเพสันนิวาสกันมาแต่ชาติก่อน จะได้ถ่อมตัว ถ่อมใจ ไม่ทุกข์มากนัก และเร่งขวนขวายทำความดีมากขึ้น ช่วยตัวเองให้ได้มากขึ้น ช่วยมนุษย์คนอื่นๆ มากขึ้นและรักมนุษย์คนอื่นๆ ให้มากขึ้น คงจะมีคนที่เป็นแบบนี้ที่ยังหาคู่ดีๆ ไม่ได้เช่นกัน และลงมือทำบารมีดีๆ เช่นเดียวกันตามความเชื่อนี้ด้วย ผมเชื่อว่าความดีเป็นกระแส ความดีเป็นของไหลที่มีคุณสมบัติไม่ปะปนกับสิ่งไม่ดี ความดีของแต่ละคนคงจะไหลมารวมกันได้บ้างตั้งแต่บัดนี้ อาจจะทำให้เราได้พบคนที่ดีๆ มีจิตใจดี เริ่มมีบุพเพสันนิวาสในชาตินี้ และต่อเนื่องไปชาติหน้าก็ได้ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้แน่ๆ ถ้าจะถามว่าจริงหรือ ? ก็ต้องตอบว่าเป็นอนิจจังและอนัตตาอีกนั่นแหละ แต่ด้วยความเชื่อนี้ก็จะทำให้เราทำตัวให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและสังคม บุคคลอื่น มีความสุขมากขึ้น และเราก็มีความหวังมากขึ้น จิตใจก็เบิกบาน หน้าตาแจ่มใส และเป็นคนดีมีคุณประโยชน์มากขึ้นด้วย ถ้าคนที่ขาดในสิ่งเดียวกัน (คือเนื้อคู่) มาพบกับคนที่ดีๆ จิตใจเบิกบาน หน้าตาแจ่มใส มีคุณประโยชน์ต่อสังคมคล้ายๆ กับเขา มีหรือที่จะไม่สนใจซึ่งกันและกัน มีความเป็นไปได้สูงที่จะรักกันได้ เป็นคู่กันได้ และถึงแม้จะไม่ได้พบเนื้อคู่จริงๆ เลยในชาตินี้ก็ไม่เป็นไร เพราะเราได้ทำหน้าที่ของมนุษย์ครบถ้วนแล้ว อย่ากลัวว่าชาตินี้ไม่มีเนื้อคู่ ชาติหน้าจะหาคู่ไม่ได้เลย เพราะรู้ๆ อยู่แล้วว่าทุกอย่างเป็นอนิจจังและอนัตตาทั้งสิ้น มาตั้งความเชื่อให้สร้างสรรค์เกิดประโยชน์ต่อไปดีกว่า และลงมือทำตามความเชื่อที่ดีๆ นั้นไปด้วย โดยไม่ต้องหาทางพิสูจน์หรือเถียงกันให้เกิดความแตกแยก เสียเวลา หรือดูถูกซึ่งกันและกันเลย จะได้ไม่เสียทีที่เกิดในชาตินี้นะครับ จงเริ่มลงมือทำตามความเชื่อที่ดีๆ ตั้งแต่วันนี้เลย ไม่มีคำว่าสายไปหรือช้าไปสำหรับการลงมือทำสิ่งดีๆ และสร้างสรรค์หรอก ทุกวันเป็นวันใหม่ที่ดีๆ สำหรับชีวิตที่ดีขึ้นเสมอ จงอวยพรตัวเองให้มีกำลังใจและมีความสุขซิครับ แล้วคุณจะมีกำลังใจและมีความสุขตลอดไปทุกๆ วัน ในทุกๆ ปี และเริ่มลงมือทำสิ่งที่ดีดังกล่าวแล้วด้วย บารมีและบุพเพสันนิวาสจะเกิดได้ทุกวัน และทุกที่ที่ผ่านไปเช่นกัน ชีวิตของคุณจะเป็นชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นและใหม่เสมอตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น